ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ! แค่ค้าขายเครื่องเงินก็สามารถทำกำไรได้ปีละสองล้าน

อาชีพค้าขายนั้นอาจจะเป็นอาชีพที่หลายคนมองว่าไม่มั่นคง หรือบางคนก็มองว่าเป็นอาชีพที่ภาพลักษณ์ไม่ดีถ้าเทียบการทำงานออฟฟิศที่นั่งในห้องแอร์เย็นสบายได้แต่งตัวสวยๆ หล่อๆ กัน คงเป็นอาชีพที่หลายๆคนอยากจะเป็นกันมากกว่า แต่ถ้าหากพูดถึงรายได้ในแต่ละเดือนแล้ว การเป็นพนักงานบริษัทนั้น ในแต่ละเดือนจะได้เงินเดือนเท่าเดิมทุกเดือน บางที่อาจจะดีหน่อยได้ค่าคอมมิชชั่น หรือมีโบนัสประจำปี แต่สำหรับการค้าขายนั้น เราต้องลงทุนเองเหนื่อยเอง โดยที่ไม่มีอะไรชี้วัดได้เลยว่า ในแต่ละเดือนเราจะได้เงินมาเท่าไรและจะพอต่อค่าผ่อนบ้านผ่อนรถหรือค่าจิปาถะอื่นๆ หรือไม่ แต่การค้าขายก็ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป อย่างเช่นเรื่องราวของบุคคลตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จจากการค้าขาย โดยปัจจุบันเขาสามารถทำเงินต่อเดือนได้ถึง 100,000 บาท และทำเงินได้ 1 – 2 ล้านบาทต่อปี ! แต่กว่าจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง ลองมาติดตามเรื่องราวนี้กันดูครับ
โจ้ เป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตในครอบครัวของพ่อค้าและแม่ค้า โดยที่บ้านของโจ้นั้นประกอบกิจการร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งนอกจากโจ้แล้วยังมี เจ๋ง ซึ่งเป็นพี่ชายคนโต และ จิ๊บ น้องสาวคนสุดท้อง โจ้เป็นลูกชายคนกลางของครอบครัว ซึ่งในแต่ละวันนั้นโจ้ก็ช่วยพ่อกับแม่เสิร์ฟอาหารตามสั่งและช่วยเก็บร้านล้างจานชามต่างๆ สำหรับฐานะของครอบครัวนั้นถือได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง เพราะลูกค้าที่ร้านก็จะเป็นพนักงานบริษัท ที่อยู่ใกล้ๆ กับร้านของโจ้ จนเมื่อโจ้เรียนจบ ม.3 และช่วงนั้นเองที่เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ทำให้รายได้ที่เคยมีเริ่มลดลง ซึ่งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่โจ้ได้เริ่มออกหางานพิเศษทำ โดยในช่วงแรก โจ้ได้เข้าไปเป็นลูกจ้างในร้านเครื่องเงิน โดยโจ้ได้ดูแลลูกค้าที่มาซื้อแหวนกับที่ร้าน และนั้นเองที่ทำให้เขาเริ่มชอบ แหวนเงิน ขึ้นมา ในแต่ละวันมีลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้อแหวนในร้านอยู่บ้างและโจ้เองก็จะให้คำแนะนำ และในบางครั้งก็จะเป็นคนช่วยเสนอคอลเลคชั่นใหม่ๆ ให้กับเจ้าของร้านอีกด้วย ช่วงนั้นเขาส่งเสียตัวเองเรียนจนจบชั้น ม.6 ได้ด้วยตัวเอง แต่โจ้รู้ดีว่า ถ้าต้องเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยจะต้องใช้เงินมากกว่านี้มาก ทำให้เขาตัดสินใจออกไปหาประสบการณ์และเก็บเงินให้มากพอส่งเสียตัวเองและไม่เป็นภาระของพ่อกับแม่ โดยในช่วงแรกโจ้ได้เอาเงินเก็บที่ตัวเองมี มาลงทุนเปิดร้านขาย แหวนเงิน ตามตลาดนัด ซึ่งช่วงแรกๆ ที่ขายนั้นโจ้ได้ขอคำแนะนำจากเฮียเจ้าของร้านเครื่องเงินซึ่งเฮียแกก็ใจดี ให้โจ้คัดเอา แหวนเงิน ในร้านไปขายได้ โดยให้ราคาพิเศษและถ้าขายไม่ได้ก็สามารถนำไปคืนกับเฮียแกได้
ด้วยความที่มีเวลาทั้งวันทำให้โจ้ ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมถึงขั้นตอนและกรรมวิธีในการผลิต แหวนเงิน ขึ้นมาในแต่ละชิ้น บ้างก็ไปดูช่างทำเครื่องเงินบ้าง หรือบางทีก็ขอคำแนะนำจากเฮียร้านเครื่องเงินบ้าง พอตกเย็นก็ตระเวนไปตั้งร้านขายตามตลาดนัด ในช่วงนั้นโจ้ได้เงินกลับมาก้อนหนึ่งซึ่ง เงินก้อนนี้เขาตั้งใจว่าจะเอาไว้เป็นเงินลงทุนสำหรับร้านเครื่องเงินของตัวเอง แต่นั้นหมายความว่าโจ้จะต้องผลิตเอง และต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงมากกว่าเดิม จนเมื่อโจ้ ได้ลงทุนด้วยเงินเก็บของตัวเองส่วนหนึ่งและ กู้ยืมจากแหล่งปล่อยเงินกู้นอกระบบมานิดหน่อย ทำให้เขาเปิดร้านเครื่องเงินของตัวเองได้สำเร็จ โดยสินค้าเด่นๆ ของร้านก็คือ แหวนเงิน นั้นเอง เพราะโจ้เป็นคนคิดแบบเอง อัพเดตเทรนด์ของ เครื่องประดับประเภทเครื่องเงินและ แหวนเงิน เป็นหลัก แต่ลำพังจะขายเพียงแค่หน้าร้านก็ทำยอดขายได้ไม่มากสักเท่าไร โจ้เลยเริ่มต้นที่จะศึกษาการทำตลาดในโลกออนไลน์ดูบ้าง โดยครั้งแรกเขาเริ่มจากการถ่ายรูปของที่ร้าน แต่ยังไม่ได้ประกาศขายอย่างเป็นทางการ ซึ่งบางครั้งเขาก็ถ่ายรูปของลูกค้าที่มักจะมาซื้อ แหวนเงิน และสลักชื่อเป็นแหวนคู่ลงใน Facebook ของตัวเอง และนั้นก็เริ่มทำให้มีเพื่อนๆ และคนรู้จักเข้ามาสอบถามราคาของ แหวนเงิน และสั่งซื้อกับโจ้ผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค
จนเมื่อมีการบอกต่อกันของผู้ที่เคยซื้อสินค้าไป ทำให้โจ้คิดที่จะขยายกิจการด้วยการเปิดเพจร้านทั้งใน Facebook และ Instagram และมีการโปรโมทชื่อเพจไว้ที่หน้าร้านอีกด้วย วันเวลาผ่านไปโจ้เก็บเล็กเก็บน้อยจากการขายสินค้าเครื่องเงิน ทั้งกับลูกค้าที่เดินเข้ามาเลือกซื้อ และกับลูกค้าที่สั่งซื้อทางเพจ ซึ่งโจ้บอกกับเราว่า ปัญหาส่วนมากที่พบก็จะมาจากการขายออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ เพราะลูกค้าบางรายไม่รู้ขนาดรอบนิ้วของตัวเอง เมื่อสั่งไปแล้วใส่ไม่ได้ก็จะขอเงินคืนบ้าง ซึ่งในบางกรณีเราก็สามารถคืนเงินพร้อมกับให้ลูกค้าส่งของกลับมาให้ได้ แต่ในบางกรณีก็ไม่สามารถคืนได้จริงๆ เพราะมีการลงชื่อสลักไว้บนตัวแหวนแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการขายของผ่านทางออนไลน์ และหน้าร้าน จนวันนี้ก็เป็นเวลากว่าสองปีแล้ว ซึ่งโจ้ได้เปิดเผยตัวเลขคร่าวๆ ให้เราฟังว่า เดือนนึงเขามีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งถ้ารวมๆ แล้วในแต่ละปีเขาทำเงินจากการค้าขายไปได้ เกือบ 2,000,000 บาทต่อปี แต่จำนวนเงินที่มากมายนั้นก็ไม่ได้หยุดฝันของโจ้ได้ เพราะปัจจุบันนอกจากโจ้จะเป็นเศรษฐีเงินล้านที่มีอายุน้อยแล้ว เขายังเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 อีกด้วย ทั้งรวย เก่ง และขยันแบบนี้ เราเชื่อว่าอนาคตโจ้จะต้องเป็นมหาเศรษฐีอย่างแน่นอนเลยทีเดียว